ตำรวจภาค 1 รวบโจรชิงทอง 123 บาท ห้างดังย่านบางบ่อ ยึดได้ 89 บาท รับวางแผนใช้รถ-เรือหนี แต่ไม่รอดมือตำรวจ

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 350 ครั้ง

วันนี้ (20 ส.ค.68) เวลา 15.00 น. ที่ สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาเหตุชิงทรัพย์ร้านทองในห้างดังย่านบางบ่อ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.68

โดยสามารถจับกุม นายวีรวัฒน์ หรือ อาร์ม (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี และ นายอิทธิพงษ์ หรือ มด (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี พร้อมของกลาง เป็นสร้อยข้อมือทองคำจำนวน 36 เส้น น้ำหนัก 89 บาท อาวุธปืนแบงกันดัดแปลง, เสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ, รถจักรยานยนต์ และ เรือหางยาว ที่ใช้ในการก่อเหตุ ในความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือร่วมกันลักของโจร, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใส่ชุดไรเดอร์ชิงทองในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ได้ทองคำรูปพรรณ สร้อยข้อมือ จำนวน 36 เส้น น้ำหนักรวม 89 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรภาค 1, ฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายสืบสวน สภ.บางบ่อ ร่วมกันแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดและความร่วมมือของประชาชนที่ส่งคลิปจากกล้องหน้ารถกว่า 100 คัน จนเจอจุดที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ไปทิ้งและสามารถจับกุมตัวคนร้ายทั้งหมดได้

โดย นายวีรวัฒน์ หรือ อาร์ม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริง สาเหตุที่ตนเองทำลงไปนั้น เพรามีความจำเป็นต้องใช้เงิน เนื่องจากตนเองติดหนี้นอกระบบจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งเป็นหนี้นอกระบบที่ยืมมาลงทุนเปิดอู่ซ่อมรถ และต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท จึงคิดวางแผนในการก่อเหตุ โดยใช้เวลากว่าสัปดาห์ในการวางแผน ตั้งแต่การจัดการเสื้อผ้า หมวกกันน็อก การนำรถจักรยานยนต์มาพ่นสีใหม่ การปลอมตัวต่าง ๆ รวมถึงการวางแผนในการหลบหนี มีการสำรวจ เส้นทางและจุดที่ต้องนำเอารถจักรยานยนต์ไปทิ้งน้ำ โดยมีการชักชวนรุ่นน้องที่เป็นญาติการใช้เรือร่องสำรวจเส้นทางและมาร์คตำแหน่งจุดนัดพบทางเรือ เลือกจุดและเส้นทางทางเรือที่ไม่มีกล้องวงจรปิดและบ้านคนเพื่อยากต่อการติดตามของตำรวจ และให้รุ่นน้อง คือ นายมด ขับเรือมาจอดรถรับยังใต้สะพานข้ามคลอง เพื่อหลบหนี กลับบ้านพัก ซึ่งบ้านพักอยู่ห่างจากคลองเพียงร้อยกว่าเมตร หลังจากที่ได้ทองกลับมาถึงบ้าน จึงแบ่งทองซุกซ่อนสองจุด คือในตู้ลำโพง และข้างต้นไม้หลังบ้าน ส่วนที่เลือกร้านทองแห่งนี้ เพราะตนเองเคยเข้ามาซื้อสินค้าภายในห้างและมองว่าร้านทองไม่มีลูกกรงในการป้องกันและง่ายต่อการก่อเหตุ จึงเลือกร้านทองแห่งนี้ ส่วนทองที่หายไป คาดว่าหายในช่วงที่ตนเองขับรถพุ่งลงคลอง และลากรถจากกลางคลองมาซ่อนใกล้ตอมอสะพาน ซึ่งช่วงนั้นทองทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายและไม่ทันได้รูปซิปปิดปากกระเป๋า คาดว่าจะหล่นในช่วงที่ตนเองนำทองและเสื้อผ้ารวมถึงหมวกกันน็อกยัดใส่กระสอบที่เตรียมมา ซึ่งในระหว่างเส้นทางในคลองที่หลบหนี จะมีช่วงหนึ่งที่ห่างจากจุดทิ้งรถ ตนเองได้ดึงเอาปืนและเสื้อผ้าออกจากกระสอบเพื่อโยนทิ้งน้ำ ซึ่งตอนนั้นสังเกตว่ามีทองเกี่ยวตัวปืนตกออกไปด้วย

หลังจากนั้นจึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 350 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน