ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธีทำบุญ เนื่องในโอกาส 118 ปี วันกองทัพเรือ

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1091 ครั้ง

วันนี้ (20 พ.ย.67) พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีทำบุญทางศาสนาเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2567 ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมี อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ โดยได้กราบอาราธนาสมเด็จพระพุทธพจนาวชิรมุนี เจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ประกอบพิธี เจริญพระพุทธมนต์และพิธีทักษิณานุประทาน ร่วมด้วย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ประกอบด้วย พระพรหมวัชรเมธี วัดอรุณราชวราราม พระพรหมวชิรมุนี วัดสุทัศน์เทพวราราม พระพรหมวชิโรดม วัดโมลีโลกยาราม พระพรหมวชิรรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร พระธรรมวชิรเมธี วัดหงส์รัตนาราม พระราชปัญญารังษี วัดชิโนรสาราม พระราชวชิรธรรมวิเทศ วัดนาคปรก พระราชวัชรกิจจาภรณ์ วัดชนะสงคราม และ พระครูวินัยธรสายัณห์ อภิสายัณโห วัดเพลงวิปัสสนา

ทั้งนี้ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ที่เข้าร่วมพิธีทำบุญประจำปีในวันนี้ประกอบด้วย พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ พล.ร.อ.ประเสริฐ บุญทรง พล.ร.อ.ทวีศักดิ์ โสมาภา พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ และ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม

เมื่อ 118 ปีล่วงมาแล้ว ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดโรงเรียนนายเรืออย่างเป็นทางการ ณ พระราชวังเดิมกรุงธนบุรี กับได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาในสมุดเยี่ยมของโรงเรียนนายเรือ ความว่า “วันที่ 20 พฤศจิกายน ร.ศ.125 เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เห็นการทหารเรือมีรากหยั่งลงแล้ว จะเป็นที่มั่นสืบต่อไปในภายหน้า”

กองทัพเรือ จึงได้ถือเอาวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันกองทัพเรือ และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการทหารเรือไทย ตามแบบอารยประเทศ ส่งผลให้มีการพัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้าเป็นกองทัพเรือที่ทันสมัย เข้มแข็ง และมีเกียรติภูมิ

ย้อนกลับไปในอดีตก่อนที่จะมีการก่อตั้งกองทัพเรือขึ้นในสยาม ยังมิได้มีการแบ่งแยกกำลังรบทางเรือออกจากทางบก จวบจนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเริ่มมีการแบ่งแยกกำลังรบทางเรือออกจากทางบก

เมื่อครั้งเริ่มแรกตั้งกรมทหารเรือนั้น กิจการทหารเรือบางประเภทยังขาดบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญ จำเป็นต้องจ้างชาวต่างประเทศเข้ามารับราชการตามตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ อาทิ ผู้บังคับการเรือ และ ผู้บัญชาการป้อมต่าง ๆ

ต่อมาภายหลังวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า กิจการของทหารเรือเท่าที่อาศัยชาวต่างประเทศเข้ามาประจำตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ นั้น ไม่อาจที่จะหวังในด้านการรักษาอธิปไตยของชาติได้ดีเท่ากับคนไทยเอง พระองค์มีพระราชประสงค์ให้จัดการศึกษาแก่ทหารเรือไทย ให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะรับตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ในเรือแทนชาวต่างชาติที่จ้างไว้ต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรส เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือยังประเทศอังกฤษ

ภายหลังจากที่ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือ และกลับมารับราชการในกรมทหารเรือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมทหารเรือ จัดการฝึกสอนวิชาการทหารเรือขึ้น โดยเริ่มตั้งโรงเรียนขึ้นครั้งแรกที่บริเวณอู่หลวงใต้วัดระฆัง ตรงข้ามท่าราชวรดิฐ สำหรับอบรมนายทหารชั้นประทวน หรือฝ่ายช่างกลและเดินเรือ ต่อมาในปี พ.ศ. 2434 ได้ตั้งโรงเรียนนายสิบขึ้น และในปี พ.ศ. 2440 ได้จัดตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารเรือขึ้นอีกโรงเรียนหนึ่ง จนถึงปี พ.ศ. 2442 ได้จัดตั้งโรงเรียนนายเรือขึ้น สถานที่ตั้งโรงเรียนนายเรือครั้งแรก อยู่ที่วังนันทอุทยาน (สวนอนันต์) มีนาวาโทไซเดอลิน (Seidelin) เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือคนแรก ต่อมาในปี พ.ศ. 2443 เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมจักรพรรดิพงศ์ สิ้นพระชนม์ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี ซึ่งเป็นที่ประทับได้ว่างลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทาน พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี ให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443 เป็นต้นมา

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพเรือ ได้ปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ การปฏิบัติภารกิจการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ของชาติ และการสนับสนุนนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนซึ่งถือเป็นอีกภารกิจหนึ่งที่สำคัญยิ่ง

สำหรับในปีงบประมาณ 2568 นี้ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานและนโยบายให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่ครอบคลุมภารกิจของกองทัพเรือทั้ง 5 ด้านได้แก่  การพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ การเตรียมกำลังและป้องกันราชอาณาจักร การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การสนับสนุนการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ การสนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน รวมถึงจะดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการกำลังพลทุกระดับ เพื่อให้มีขวัญกำลังใจที่จะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดคำขวัญประจำปี 2568 ว่า “เทิดทูนสถาบัน ป้องกันรัฐพัฒนาชาติ ราษฎร์ศรัทธา Monarchy Country Government People” รวมทั้งกำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือหรือ Navy Savety 2025 ในทุก ๆ ด้าน เพื่อนำไปสู่การเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ รวมเป็นหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่มีประสิทธิภาพทำให้ทะเลไทยปลอดภัยและมีความมั่นคงตลอดไป

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1091 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน