“อลงกรณ์” ยัน “ปชป.” หนุนตั้งรัฐบาลเร็วป้องกันสุญญากาศการเมือง

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 926 ครั้ง

อลงกรณ์ ตอบโจทย์ หอการค้าสภาอุตสาหกรรมฯประเด็นนโยบายรัฐบาลใหม่และปัญหาตั้งรัฐบาลล่าช้า ยืนยัน ประชาธิปัตย์ หนุนตั้งรัฐบาลเร็วป้องกันสุญญากาศการเมืองบั่นทอนเสถียรภาพประเทศ พร้อมเดินหน้านโยบายสร้างเงินแก้หนี้แก้จนลดเหลื่อมล้ำเพิ่มศักยภาพคนยกระดับรายได้ประเทศอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจระบบใหม่

วันนี้ (27 มี.ค.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอเชิงนโยบายและข้อกังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้ความมั่นใจว่าจะช่วยให้การจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งเป็นไปโดยราบรื่นภายใต้วิถีทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ในฐานะเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อยเพื่อให้รัฐบาลใหม่เข้ามารับผิดชอบบริหารประเทศต่อไปโดยรวดเร็ว ต้องไม่ให้เกิดสูญญากาศทางการเมืองที่จะมาบั่นทอนเสถียรภาพของประเทศ การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะต้องเป็นไปอย่างราบรื่น

สำหรับข้อเสนอแนะของภาคเอกชนส่วนใหญ่ตรงกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์และผลงาน 4 ปีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการมาในช่วงเป็นพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งนโยบายใหม่ๆของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นโยบายเศรษฐกิจฐานราก นโยบายเศรษฐกิจทันสมัย นโยบายเศรษฐกิจมหภาค การตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ไม่ต่ำกว่า 5%ต่อปี การอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ1ล้านล้านเพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยภาพรวม การยกระดับภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีสู่เกษตรมูลค่าสูงโดยจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมทุกจังหวัดเป็นครั้งแรก, นโยบายตลาดนำการผลิต, การยกระดับภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิตอล (Digital Government) เช่นนโยบายดิจิตอล ทรานฟอร์มเมชั่น (Digital Transformation) ของกระทรวงเกษตรฯ การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์เอื้อต่อการค้าและการลงทุน, การบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงาน การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมีการใช้จ่ายต่อหัวที่สูงและรักษาสิ่งแวดล้อม การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ RCEPและ Mini FTA การสร้างโอกาสจากการฟื้นสัมพันธ์กับประเทศต่างๆเช่นซาอุดีอาระเบีย

การยกระดับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และโค้ดดิ้งก์ (Coding) การพัฒนาแรงงานให้มีทักษะสูง, การสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และยานยนต์ไร้คนขับ การพัฒนาอีอีซี. และนโยบายบีซีจี. รวมทั้งการใช้พลังงานสะอาดการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ การคว้าโอกาสการย้ายฐานผลิต ทั้งจากจีนและยุโรปบางส่วนเนื่องจากโรงงานประสบปัญหาวิกฤติด้านพลังงานการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมเพื่อการผลิตและส่งออกไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่แข่งขันได้ในอนาคตโดยเฉพาะนโยบาย 12 อุตสาหกรรมใหม่ (12S-Curve) นโยบายการสร้างนิคมอุตสาหกรรมใหม่ใน 18 กลุ่มจังหวัดทั่วประเทศที่กระทรวงเกษตรฯ โดยการนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ ดำเนินการร่วมกับสภาอุตสาหกรรมฯ ใน 3 ปีกว่าที่ผ่านมาและการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจใหม่ๆ ตอบโจทย์ความท้าทายของอนาคต ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำมาก่อนและจะเดินหน้าต่อเช่นนโยบายพลังงานทดแทน นโยบายคาร์บอนเครดิต นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy) และเศรษฐกิจเพื่อสังคม (Social Economy)

“นโยบายเหล่านี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้หลุดพ้นจากความยากจนและหนี้สิน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน การฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนต้องเร่งทำทันทีเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วภายใต้แนวทางสร้างเงินสร้างคนสร้างชาติของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคอุดมการณ์-ทันสมัย 4 ปีที่ผ่านมา เราสร้างเงินให้ประเทศจากการส่งออกกว่า 30 ล้านล้านบาท ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงเป็นหลักประกันในผลงานที่ทำได้ไวทำได้จริงและเราพร้อมร่วมมือกับหอการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และทุกภาคส่วนในการนำประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพเพื่อคนไทยทุกคน” นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 926 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน