“ชำนาญ” ร้องกต.ค้าน “อนุรักษ์” นั่งปธ.แผนกคดีทุจริตฯ เหตุทำผิดกฎหมาย ฝ่าจริยธรรมอื้อ!

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2137 ครั้ง

รายงานข่าวจากศาลยุติธรรมแจ้งว่า วันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) และกรรมการกต. เรื่องคัดค้านการแต่งตั้งนายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในศาลอุทธรณ์ โดยมีใจความสำคัญว่า ตามที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เสนอบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตุลาการวาระ 1ต.ค.2564 (บัญชี 4) ลำดับที่ 115 (นายอนุรักษ์) ไปดำรงตำแหน่งประธานแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในศาลอุทธรณ์ นั้น

ตนได้มีหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 15 เม.ย.2564 ถึงประธานศาลฎีกา ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายกรณีมีเหตุควรสงสัยว่าข้าราชการ กต.ทำผิดวินัย กรณีหาเสียงให้ กต.ลง/งดเว้นการลงคะแนนเลือกบุคคลเป็น กต.ผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 36 (3) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 ปรากฏว่ามีผู้ใช้โปรไฟล์ไลน์ J29Anurak และภาพถ่ายนายอนุรักษ์เป็นหนึ่งในผู้โพสต์ข้อความในไลน์สภาตุลาการ อันมีลักษณะหาเสียงให้นายไผทชิต เอกจริยกร และนายจำนง เฉลิมฉัตร ในการเลือก กต.ผู้ทรงคุณวุฒิ

หนังสือร้องเรียนระบุว่า แต่ประธานศาลฎีกา ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว อันเป็นการเข้าลักษณะการหาเสียงตามประกาศคณะกรรมการศาลยุติธรรม เรื่องแนวทางการพิจารณาเกี่ยวกับจริยธรรมในการหาเสียง วันที่ 3 ต.ค.2557 ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมของข้าราชการตุลาการตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 17 วรรคสี่ และมีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายตามมาตรา 17 และมาตรา 62 โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายอนุรักษ์เป็น กต.ที่ต้องควบคุมและลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนจริยธรรมของ กต.“มาตรา 37 วรรคสามแห่งพ.ร.บ.ระเบียบฯ ประกอบกับข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือก กต.ผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ.2561 ข้อ 9 ยังกำหนดหน้าที่ของ กต.เกี่ยวกับการเลือก กต.ผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 36 (1)(2)(3) ที่ระบุว่า การวินิจฉัยของ กต.ให้ถือเป็นที่สุดรวมทั้งมาตรา 41 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบฯระบุว่า กรณีข้อสงสัยการพ้นตำแหน่งของ กต.ผู้ทรงคุณวุฒิบัญญัติให้ กต.เป็นผู้ชี้ขาด

ดังนั้นมีกฎหมายกำหนดหน้าที่โดยตรงของนายอนุรักษ์ ซึ่งเป็น กต.ในขณะนั้นในการดูแลกระบวนการเลือกตั้ง กต.ผู้ทรงคุณวุฒิให้ถูกกฎหมาย อีกทั้งมาตรา17วรรคสี่ แห่งพ.ร.บ.ระเบียบฯ และข้อบังคับของปรานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือก กต.ผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ.2561 ข้อ29 ระบุชัดเจนถึงการไม่ให้หาเสียงเพื่อให้กต.ลง/งดเว้นการลงคะแนนเลือกบุคคลเป็น กต.ผู้ทรงคุณวุฒิ และบุคคลที่จะวินิจฉัยคือ กต. และนายอนุรักษ์ ซึ่งเป็น กต.ผู้ทรงคุณวุฒิในศาลอุทธรณ์ในขณะนั้นย่อมมีหน้าที่โดยตรงในการวินิจฉัยการเลือก กต.ผู้ทรงคุณวุฒิในขณะนั้น

แต่ปรากฏว่านายอนุรักษ์พบว่า ผู้พิพากษาหลายรายโพสต์ข้อความให้มีการลง/งดเว้นการลงคะแนนเลือกบุคคลเป็น กต.ผู้ทรงคุณวุฒิให้ผู้สมัครรายหนึ่งรายใดอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและจริยธรรม นายอนุรักษ์กลับไม่ห้ามปรามและนายอนุรักษ์กลับเข้าร่วมด้วยในการหาเสียงให้นายไผทชิต และ นายจำนง การกระทำที่ผิดวินัยของนายอนุรักษ์ที่มีผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายตามมาตรา 17 วรรคสี่แห่งพ.ร.บ.ระเบียบฯยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 172 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ”

ใจความในหนังสือร้องเรียนของนายชำนาญ ระบุ หนังสือร้องเรียนระบุว่า นายชำนาญยังคัดค้านอีกประการหนึ่งว่า นายอนุรักษ์ จงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในการนำมติ กต.ครั้งที่ 8-9/2562 ที่เห็นชอบให้แต่งตั้งนายชำนาญเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญการพิเศษและสำนักงานศาลยุติธรรมส่งหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้วกลับมาทบทวนและกลับมติ กต.เดิมเป็นไม่ให้ความเห็นชอบรวมทั้งลงมติให้นายชำนาญพ้นจากราชการโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ

หนังสือร้องเรียนของนายชำนาญระบุว่า การที่ กต.จะเห็นชอบและนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งบุคคลใดให้ดำรงตำแหน่งประธาน แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในศาลอุทธรณ์นั้น ควรต้องไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติมิชอบด้วยกฎหมายหรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และตนยังแจ้งความที่สน.ชนะสงคราม ต่อนายอนุรักษ์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งร้องเรียนไปที่สำนักงาน ปปช. กล่าวโทษนายอนุรักษ์ ฐานเป็นเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

“ย่อมเป็นการไม่เหมาะสมที่ กต.จะให้ความเห็นชอบและนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายอนุรักษ์ให้ดำรงตำแหน่งประธานแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในศาลอุทธรณ์ ที่นายอนุรักษ์ยังมีคดีอยู่ที่สำนักงาน ปปช. และยังคัดค้านนายไผทชิตและนายจำนง กต.ผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมลงมติในครั้งนี้ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในเรื่องนี้” หนังสือร้องเรียน ของนายชำนาญ ระบุ

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2137 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน