มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 40 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จ.นครปฐม ที่ยังคงปฏิบัติในการสืบสานความเมตตาของ พระมงคลสิทธิการ หลวงพ่อพูล อัตตรักโข อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในการเมตตาแก่ญาติโยมผู้ยากไร้ เพื่อเป็นการทำให้บ้านวัด โรงเรียน ได้เชื่อมโยงถึงกันตามหลักบวร ยิ่งในช่วงยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังมีความขัดแย้งในแนวคิดกันในหลายประเทศทั่วโลก ยังผลให้การเติบโตและพัฒนาของประเทศต่าง ๆ มีตัวเลขที่ลดลง และในบ้านเรายังเข้าสู่สภาวะของสังคมผู้สูงวัย จึงทำให้เกิดจำนวนของผู้สูงวัยและกลุ่มเปราะบางมากยิ่งขึ้น
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว หลวงพี่น้ำฝน ได้รับการแจ้งจาก คุณเบญจวรรณ ริทเทอร์ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ศิษย์ยานุศิษย์ ว่าประสงค์ที่จะขอร่วมบุญกับคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จ.นครปฐม ในการสงเคราะห์แก่ญาติโยมที่กำลังประสบปัญหาในการดำเนินชีวิตในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี และได้เคลื่อนทัพสายบุญ วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง ประสานความร่วมมือกับ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต.รางบัว ลงพื้นที่เพื่อสอบถามความเป็นอยู่และมอบสิ่งของอุปโภค บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง และปัจจัย ยังชีพให้กับผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ ใน 15 หมู่บ้าน 45 หลังคาเรือน
โดย หลวงพี่น้ำฝน และทัพสายบุญวัดไผ่ล้อมฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อไปพบกับญาติโยมและเข้าเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจกับผู้สูงวัยถึงเตียงในบ้านพัก ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ที่ได้พบจะเป็นครอบครัวที่ต้องเร่งหารายได้ และแบ่งเวลาในการดูแลผู้สูงวัยในบ้าน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงยังมีโรคประจำตัว และเป็นกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งในกลุ่มที่มีปัญหาในการดำเนินชีพดังกล่าว นอกจากจะได้รับการประสานงานจากหน่วยงานภาครัฐแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีการระดมกำลังจากกลุ่มผู้ใจบุญในการเข้าช่วยเหลือเพื่อเป็นการประทังความเดือดร้อนอีกทางหนึ่ง
หลวงพี่น้ำฝน เผยว่า การเดินสายบุญในการออกช่วยเหลือญาติโยม ที่กำลังประสบปัญหาในการดำเนินชีวิต ซึ่งทางวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จ.นครปฐม ได้มีการดำเนินการผ่านมูลนิธิหลวงพ่อพูล โดยกองทุนหลวงพ่อพูลฯ มีการขับเคลื่อนหลายโครงการเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยปกติจะมีโครงการธนาคารเตียงผู้ป่วยและรถวีลแชร์ โครงการแจกทานให้กับผู้ยากไร้ โครงการสวดเผาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งการออกเดินสายในการช่วยเหลือกับญาติโยมในพื้นที่ต่าง ๆ ก็จะเป็นการได้รับการประสานการร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา ก็จะมีการประสานงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจน ก็จะลงพื้นที่ช่วยเหลือทันที โดยจะมีคณะสงฆ์ เจ้าหน้าที่ของวัด และประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงปัญหานั้น ๆ อย่างชัดเจน
“อาตมายังคงวางโครงการ 9 โครงการหลักของวัดให้เข้าถึงการช่วยเหลือญาติโยมอย่างจริงจัง ซึ่งทุกพื้นที่เราก็จะพบปัญหาเดียวกันคือ เรื่องรายได้ครัวเรือนที่ไม่เพียงพอ จะมาพร้อมกับสุขภาพที่มีปัญหา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายจ่ายและไม่สามารถหารายได้มาอย่างเพียงพอ ซึ่งข้อมูลในเรื่องของสังคมของผู้สูงวัยได้เข้ามาถึงช่วงที่ประเทศของเรากำลังประสบปัญหาในระยะยาว ในฐานะพระสงฆ์รูปหนึ่ง และคณะสงฆ์ของวัดไผ่ล้อมฯ หากจะสามารถช่วยโยงให้มีความสงบทางใจด้วยหลักพระธรรมคำสั่งสอนแล้ว การเข้าถึงปัญหาเพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาของสังคม เพื่อแบ่งเบาภาระของภาครัฐได้ อาตมาก็เห็นว่าสมควรจะกระทำ และอาตมายังคงสานต่อแนวคิดของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล ซึ่งท่านก็ได้วางรากฐานเรื่องนี้ไว้กับอาตมาในการให้ดูแลญาติโยมรอบวัดดังที่ท่านเคยปฏิบัติมา อาตมาก็ยังคงจะทำต่อไป ซึ่งตอนนี้เรามีสายทัพบุญมาร่วมกันช่วยเหลือก็จะเป็นแนวทางที่ทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะความลำบากกายนำสู่ความลำบากใจ เมื่อได้เห็นพระมาถึงบ้านโยมก็มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไปได้นั่นเอง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 40 ครั้ง