มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 452 ครั้ง
วันนี้ (10 ก.พ.68) เวลา 10.00 น. ที่ห้องดำริอิศรานุวรรต สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดย นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) โดย นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ สทอภ. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศในการตรวจเงินแผ่นดิน โดยมี นางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ร่วมเป็นเกียรติในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนหน่วยงานภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร 2หน่วยงาน ร่วมลงนาม เป็นสักขีพยาน
โฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวต่อว่า “การลงนามในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศและองค์ความรู้ด้านการตรวจสอบ เพื่อยกระดับการตรวจเงินแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมโยงฐานข้อมูล การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการตรวจสอบ และการศึกษาวิจัยร่วมกัน ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและผลการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
โดยทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันนำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการสำรวจและติดตามการดำเนินโครงการของรัฐ รวมถึงการดูแลทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐ เพื่อช่วยวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ นอกจากนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูลทางวิชาการ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยทั้งสองหน่วยงานจะดำเนินการตามขอบเขตความร่วมมือที่กำหนดไว้ และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน”
“องค์ความรู้และเทคโนโลยีจาก สทอภ. จะช่วยให้การตรวจสอบของ สตง. มีมิติเชิงลึกและครอบคลุมทุกพื้นที่ และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลด้านดิจิทัล ความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของการตรวจเงินแผ่นดินไทยในการนำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาใช้ในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงานของภาครัฐ ซึ่งจะทำให้สามารถเฝ้าระวังและประเมินความเสี่ยงของโครงการต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนช่วยให้การบริหารจัดการงบประมาณของประเทศเป็นไปอย่างโปร่งใสและคุ้มค่า” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในตอนท้าย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 452 ครั้ง