มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2344 ครั้ง
รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี ติดตามการฉีดวัคซีนโควิด ยันทำตามหลักสิทธิมนุษยชนต่างด้าวก็ต้องได้รับด้วย เชื่อคนเข้าใจเร่งฉีดให้นักโทษเพราะในคุกระบาดง่ายเพราะแออัด แนะเรียนรู้อาชีพพ้นโทษมีงานสุจริตทำไม่กลับมาทำผิดซ้ำ
วันนี้ (5 มิ.ย.64) เวลา 14.00 น. ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ติดตามและเป็นประธานในพิธีเปิดการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อป้องกันแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายมงคล ณ นคร ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี นายจักร ลิ่มบุตร ผบ.เรือนจำอำเภอธัญบุรี และนางจุไร ยอดระบำ ผอ.สถานกักขังจังหวัดปทุมธานี ร่วมงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์จะเร่งฉีดวัคซีนให้กับเรือนจำที่ปลอดเชื้อแต่อยู่ในพื้นที่สีแดง โดยจ.ปทุมธานี มีเรือนจำปลอดเชื้ออยู่ 4 แห่ง คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องขัง 2,225 คน เรือนจำจังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องขัง 1,720 คน เรือนจำอำเภอธัญบุรี มีผู้ต้องขัง 2,117 คน และทัณฑสถานกักขังจังหวัดปทุมธานี ผู้ต้องกักขัง 83 คน ซึ่งในวันนี้เราจะเร่งฉีดให้กลุ่มเปราะบาง คือ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวก่อน โดยจะเร่งฉีดให้เสร็จภายใน 2-3 วัน ส่วนเรือนจำที่มีการติดเชื้ออีก 2 แห่ง เราจะยังไม่ฉีด ซึ่งการฉีดวัคซีนเราได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลอำเภอธัญบุรี 10 คน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ต้องขังที่เป็นต่างด้าว ก็ต้องได้รับการฉีดวัคซีนด้วย ตามหลักสิทธิมนุษยชน เราจะปล่อยและละเลยพวกเขาไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าพวกเขาไม่มีเลขบัตรประชาชนในการลงทะเบียน แต่ตรงนี้สามารถดำเนินการไปก่อนได้ แล้วค่อยมาลงทะเบียน เพราะอย่างไรพวกเขาก็มีชื่ออยู่ในเรือนจำซึ่งสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ตนขอขอบคุณ แพทย์และพยาบาลที่มาช่วยงานในครั้งนี้ และขอให้ผู้ต้องขังทุกท่านร่วมมือในการฉีดวัคซีน ซึ่งการฉีดวัคซีนนั้นสามารถช่วยประหยัดงบประมาณมากกว่าการใช้ยารักษาโรคหลายเท่า นอกจากนี้ขอฝากให้ผู้ต้องขังทุกคนเมื่อพ้นโทษ ขอให้ทำอาชีพสุจริต โดยเรียนรู้การฝึกอาชีพจากในเรือนจำ นำสิ่งที่เหมาะสมกับเราไปประกอบอาชีพ และตนยังมีโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พ้นโทษได้
เมื่อถามว่าสังคมยังมีความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้ต้องขังมากกว่าประชาชนภายนอกในการจัดหาวัคซีน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรือนจำมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน จุดแข็งคือ เชื้อไม่สามารถหลุดออกไปแพร่ระบาดข้างนอกได้ แต่จุดอ่อนคือ เมื่อเชื้อเข้ามาจะแพร่ระบาดได้เร็วและป้องกันได้ยาก เพราะไม่มีมาตรฐานระยะห่าง 1.5-2 เมตรตามมาตรฐาน ภายในเรือนจำระยะห่างต่อคนแค่ 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและเห็นด้วยกับการเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขัง และเมื่อฉีดวัคซีนแล้วเราจะเกลี่ยย้ายผู้ต้องขังไม่ให้แออัดด้วย นอกจากนี้ในส่วนการปฏิบัติงานเราทำมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด ทำตามหลักสิทธิมนุษยชน ยิ่งในช่วงการระบาดของโควิดเรายิ่งเข้มงวดกว่าเดิม
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2344 ครั้ง