มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 46 ครั้ง
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ได้เดินทางไปร่วมลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม กับ ผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย นายหลิว ซ่ง รองประธานบริหาร บริษัท China Shipbuilding & Offshore International Co., Ltd. (CSOC) ณ อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท CSOC กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้แทนของสำนักงานความร่วมมือยุทโธปกรณ์ทางทหารและเทคโนโลยี (Bureau of Military Equipment and Technology Cooperation, CMC: BOMETEC) ผู้แทนบริษัท China State Shipbuilding Corporation Co., Ltd. (CSSC) และผู้แทนบริษัท บริษัท China Shipbuilding Trading Co., Ltd. (CSTC) เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯดังกล่าวด้วย

สำหรับการลงนามข้อตกลงฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่อนุมัติให้ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ซึ่งภายหลังจากการลงนามดังกล่าว ทางบริษัท CSOC จะเร่งสร้างเรือตามแผนงานในงวดงานที่เหลือประมาณ 40 เดือน โดยฝ่ายจีนก็ได้ให้คำมั่นกับกองทัพเรือว่าจะสร้างเรือดำน้ำลำนี้ ให้มีคุณภาพเช่นเดียวที่สร้างให้กองทัพเรือจีน รวมทั้งจะให้การสนับสนุนในด้านอื่น ๆ แก่กองทัพเรืออย่างเต็มที่ เพื่อให้โครงการฯ สำเร็จโดยเร็ว นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมจีนจะให้การสนับสนุนทั้งการสร้างเรือให้เป็นไปตามที่ข้อตกลงฯ และเป็นไปตามมาตรฐานของกองทัพจีน รวมทั้งสนับสนุนการฝึกกำลังพลประจำเรือให้มีความรู้และมีขีดความสามารถในการใช้งานเรือดำน้ำลำนี้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย เพื่อให้กองทัพเรือมีความมั่นใจว่าจะสามารถใช้งานเรือดำน้ำลำนี้คุ้มค่ากับงบประมาณ ซึ่งมีกำหนดส่งมอบเรือในช่วงปลายปี 2571

ทั้งนี้ ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบใน โครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T ตามความต้องการของกองทัพเรือ ซึ่งการลงนามในข้อตกลงฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้ ทางกองทัพเรือได้เตรียมความพร้อมและเร่งรัดดำเนินการเนื่องจากโครงการนี้หยุดชะงักมานาน เพื่อให้ทันต่อความต้องการเสริมสร้างกำลังรบทางเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ในการป้องกันและรักษาอธิปไตยของชาติทางทะเล
รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวยืนยันว่า ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า กองทัพเรือพร้อมที่จะใช้งานอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มาจากภาษีของพี่น้องประชาชนให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 46 ครั้ง