ราชทัณฑ์ จับมือ 3 หน่วยงาน พัฒนาคุณภาพน้ำปลอดภัยในเรือนจำ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ต้องขัง

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 367 ครั้ง

กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำ และ การประปานครหลวง จัดทำ MOU เพื่อพัฒนาการดำเนินงานด้านน้ำปลอดภัยตามมาตรฐาน สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตสำหรับผู้ต้องขัง

วันนี้ (18 ส.ค.68) เวลา 10.00 น. นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นายปริญญา คุ้มสระพรม รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายพงศ์พัฒน์ เสมอคำ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และ นายปริพรรห์ พิณสุรงค์ รองผู้ว่าการการประปานครหลวง ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงเพื่อพัฒนาการดำเนินงานด้านน้ำปลอดภัย ตามมาตรฐานสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตสำหรับผู้ต้องขัง โดยมี นางสาววรดา วสันต์นันทสิริ ผู้ตรวจราชการกรม รักษาการแทนผู้อำนวยการกองบริการทางการแพทย์ ให้การต้อนรับและกล่าวถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวฯ ตลอดจนผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารทั้ง 3 หน่วยงาน ผู้บัญชาการเรือนจำ เขต 10 ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เข้าร่วม ณ ห้องสัมมนากรมราชทัณฑ์ ชั้น 3 อาคารกรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี

นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ภายใต้นโยบายการบริหารงานราชทัณฑ์ “รวมพลังขับเคลื่อน 8 มิติ ยกกำลัง 2 ยกระดับสร้างความเปลี่ยนแปลง” ของนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยมิติที่ 1 ขับเคลื่อนโครงการพระราชทาน “โครงการราชทัณฑ์ปันสุข  ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง รวมถึงการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในเรือนจำ การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำอุปโภค บริโภค อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ต้องขังมีน้ำอุปโภค บริโภคที่สะอาด ปลอดภัยและเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งถือเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังพึงได้รับตามหลักสิทธิมนุษยชน และมิติที่ 2 ยกระดับความมั่นคงปลอดภัยในเรือนจำและ สถานที่ควบคุม และบำรุงรักษาด้านระบบงานโครงสร้างพื้นฐานของเรือนจำให้มีความมั่นคงปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาระบบการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมมาตรฐานสากลและหลักทัณฑวิทยา ด้านการดูแลสุขอนามัยของผู้ต้องขัง การดูแลรักษาสุขภาพและการเฝ้าระวัง ป้องกันเชื้อโรคให้แก่ผู้ต้องขังทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

นายยุทธนา กล่าวต่อว่า ผลจากการสำรวจการใช้น้ำอุปโภค บริโภคของเรือนจำทั่วประเทศ พบว่า มีการใช้น้ำจากหลายแหล่ง เช่น น้ำประปานครหลวง น้ำประปาส่วนภูมิภาค น้ำประปาเทศบาล น้ำบาดาล และ น้ำประปาที่เรือนจำผลิตขึ้นเองจากแหล่งน้ำผิวดินและน้ำบาดาล โดยมีข้อจำกัดด้านความสะดวกของแต่ละพื้นที่ และจากผลการตรวจเฝ้าระวังคุณภาพน้ำเบื้องต้นผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำอุปโภค บริโภค เรือนจำหลายแห่ง ยังมีประเด็นปัญหาในเรื่องของคุณภาพน้ำ เช่น ค่าคลอรีนอิสระคงเหลือต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ค่าโคลิฟอร์มแบคทีเรียเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าหากพบโคลิฟอร์มแบคทีเรียในน้ำดื่มมีโอกาสที่จะเกิดโรคระบบทางเดินอาหารได้ เช่น อหิวาตกโรค บิด ไทฟอยด์ และในหลายพื้นที่ยังพบโลหะหนักที่เป็นพิษต่อร่างกายปะปนอยู่ในน้ำ ซึ่งส่งผลให้ผู้อุปโภค บริโภค ได้รับผลกระทบต่อร่างกายโดยตรงและโดยอ้อม

กรมราชทัณฑ์ ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญในด้านความสะอาด ความปลอดภัย และการรับรองมาตรฐานด้านการจัดการคุณภาพน้ำ จึงได้ประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานภาคเครือข่าย ซึ่งประกอบด้วย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำ และ การประปานครหลวง จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาการดำเนินงานด้านน้ำปลอดภัย ตามมาตรฐานสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตสำหรับผู้ต้องขัง เพื่อให้เข้าถึงน้ำที่สะอาดเพียงพอต่อความต้องการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ตลอดจนการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำอุปโภค พัฒนาระบบและแนวทางการดำเนินงานการจัดการคุณภาพน้ำ เช่น การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำอุปโภค บริโภคทางห้องปฏิบัติการ แนวทางหรือคำแนะนำในการปรับปรุงคุณภาพน้ำในกรณีที่พบค่าความผิดปกติ และการสนับสนุนให้ความรู้ด้านการจัดการคุณภาพน้ำในเรือนจำต่อไป” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 367 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน