มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 44 ครั้ง
รอง จตช.-ภูธรภาค 1 แจงผลทลายแก๊งกดเงินบัญชีม้า สมุทรปราการ ยึดเงินสด 2 ล้านบาท ประสานผู้เสียหายรับเงินคืนแล้ว 400,000 บาท

วันนี้ (21 ต.ค.68) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. ร่วมกับ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงผลจับกุมคอกม้า และม้าถอนเงิน โดยจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย บัญชีม้าคือ น.ส.แสงดา อายุ 30 ปี ส่วนคนคุมบัญชีม้าคือ นายธนากรณ์ อายุ 26 ปี และนายกิตติพงศ์ อายุ 31 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, เปิดบัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้อื่นนำไปใช้กระทำความผิดทางเทคโนโลยี และเป็นธุระจัดหาให้มีการซื้อขายบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้กระทำความผิดทางอาญา” พร้อมตรวจยึดของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร และเงินสด จำนวน 1,924,400 บาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงผลการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ที่ได้ยกระดับการปราบปรามการก่ออาชญากรรมออนไลน์โดยเฉพาะพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นวาระแห่งชาติ โดยการประชุมเมื่อวานนี้ (20 ต.ค.68) ได้ยกระดับศูนย์วอรูมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมปฏิบัติด้วย ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ได้ตรวจพบธุรกรรมต้องสงสัยเชื่อว่าเป็นการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงผู้เสียหาย จึงส่งต่อข้อมูลให้กับตำรวจภูธรภาค 1 ได้วางแผนจับกุมคนร้าย และตรวจยึดเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง ที่ผ่านมา ตำรวจได้จับกุมบัญชีม้าไปแล้วกว่า 200 ราย โดยก่อนที่จะตั้งวอรูมได้ยึดเงินคืนผู้เสียหาย 20% แต่หลังจากตั้งวอรูมตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สามารถยึดเงินคืนผู้เสียหายได้แล้วกว่า 40%

สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่าผู้เสียหายมีพัสดุตกหล่น ต่อมามีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองผู้บริโภค แจ้งว่าต้องตรวจสอบเงินของผู้เสียหาย เพื่อคุ้มครองเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพบอก สุดท้ายถูกหลอกให้โอนเงินออกไปจำนวน 400,000 บาท ต่อมา ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พระประแดง ตำรวจจึงได้สืบสวน และได้รับแจ้งข้อมูลจาก War room IAC สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีกลุ่มแก๊งคอกม้า ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีม้ามาถอนเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ ที่เหตุเกิดในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างวันที่ 8-14 ตุลาคม จำนวน 4 คดี รวมความเสียหายกว่า 4,007,000 บาท
จากนั้น ตำรวจได้สืบสวนจนรู้กลุ่มคนร้าย และยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งทราบว่าทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน มีผู้ทำหน้าที่เป็นคนคุมคอกบัญชีม้าในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ จึงวางแผนเข้าจับกุม กระทั่งเมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (20 ต.ค.68) พบบัญชีม้าออกมาถอนเงินสดออกจากบัญชี จึงได้ติดตามไปจนถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านพระประแดง พบ น.ส.แสงดา และนายธนากรณ์ ได้ไปทยอยถอนจากธนาคารต่าง ๆ ก่อนจะนำเงินมาส่งให้นายกิตติพงศ์ ที่จอดรถยนต์รอรับเงินอยู่บริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า เพื่อนำเงินไปส่งให้กับผู้สั่งการ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 รายพร้อมของกลาง เงินสดเกือบ 2 ล้านบาท โดยระหว่างการเข้าจับกุมนายกิตติพงศ์ เห็นเหตุการณ์ จึงขับรถยนต์หลบหนี ตำรวจติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวได้ภายในซอยเทศบาลบางปู 45 อำเภอบางปู จังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ ตำรวจเร่งขยายผลถึงเครือข่ายนี้ไปยังผู้สั่งการ ซึ่งคาดว่ามีอีก 6-7 ราย

ด้านตัวแทนครอบครัวของผู้เสียหาย เล่าว่า มิจฉาชีพอ้างตัวเป็นไปรษณีย์บอกว่าพัสดุของแม่หากไม่ได้รับมา 2 สัปดาห์ ทางไปรษณีย์จะต้องส่งคืน ทางแม่จึงสอบถามต่อว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ ทางไปรษณีย์มีทางเลือกอย่างไรบ้าง มิจฉาชีพจึงแจ้งว่ามีทางเลือกในการไปรับที่สำนักงานเอง หรือใช้ผ่านแอปพลิเคชัน ส่วนพัสดุที่รับเกี่ยวกับเอกสารทางราชการ และบัตรคุ้มครองสิทธิคนที่เกษียณอายุราชการที่คุ้มกันว่าหากโดนหลอกจะมีประกันคืนให้

นอกจากนี้ ยังได้แถลงผลปฏิบัติการของ บก.สส.ภ.1 ที่ได้จับกุมบุหรี่ไฟฟ้า หลังสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับกรณีผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายทางสื่อโฆษณาออนไลน์ใน X โดยใช้ชื่อว่า High moon เปิดลักลอบจำหน่าย บุหรี่ไฟฟ้าผสมกัญชา ภายหลังจากนำกำลังเข้าตรวจค้น บ้านพักหลังหนึ่ง ย่านภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบของกลางจำนวน 12,000 ชิ้น เป็นบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยา มูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายอภิวัชญ์ หรือโอ๊ต อายุ 29 ปี ผู้ต้องหา ได้ที่บ้านพักหลังเดียวกันในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายช่วยพาเอาไปเสียซื้อรับจำนำหรือรับไว้ หรือของต้องจำกัดหรือของต้องห้าม หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร” ตาม พ.ร บ.ศุลกากร 2560 เบื้องต้นนายอภิวัชญ์ ให้การยอมรับว่า บุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด เป็นของตนเองจริง มีไว้เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป


มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 44 ครั้ง