กมธ.ฟอกเงิน ลุยติดตามคดีสโมสรนครศรี ยูไนเต็ด โยงเว็บพนัน ชี้ต้องตอบสังคมด้วยความโปร่งใส

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 327 ครั้ง

กมธ.ฟอกเงิน ลุยติดตามคดีสโมสรฟุตบอลนครศรี ยูไนเต็ด โยงเว็บพนัน!ชี้ต้องตอบสังคมด้วยความโปร่งใส เลิศศักดิ์ ย้ำหลักนิติธรรมต้องอยู่เหนือทุกกลุ่มอิทธิพล คดีนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่คือบททดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม

วันนี้ (21 ส.ค.68) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 308 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร จัดประชุมเพื่อติดตามข้อเท็จจริง กรณีอดีตประธานสโมสรฟุตบอลนครศรียูไนเต็ด ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ และปรากฏข้อสังเกตเกี่ยวกับคำสั่ง ไม่ฟ้อง ของอัยการ ทั้งที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องชัดเจน

การประชุมครั้งนี้นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานกรรมาธิการ พร้อมด้วย นายดนุพร ปุณณกันต์ รองประธานฯ นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ รองประธานฯ และกรรมาธิการร่วมกว่า 15 คน โดยมีผู้แทนจากอัยการสูงสุด และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าว

ที่ประชุมได้เน้นย้ำว่า กรณีนี้มีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของสังคม เพราะเป็นหนึ่งในคดีที่ประชาชนจับตาทั้งในด้านความชัดเจนของพยานหลักฐาน เส้นทางการเงิน และการอายัดทรัพย์สิน ที่ควรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยไม่มีอคติ

เทียบคดี นครศรียูไนเต็ด กับ ลำพูนวอริเออร์ เหตุใดคดีหนึ่งอายัดทรัพย์ 600 ล้าน แต่อีกคดีกลับนิ่งสนิท คดีอดีตประธานสโมสรลำพูน วอริเออร์ พบการดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินกว่า 221 รายการ มูลค่ารวม 671,354,974.93 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ ปปง. ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ขณะที่ในคดีของ อดีตประธานสโมสรนครศรียูไนเต็ด แม้จะมีพฤติการณ์เชื่อมโยงเว็บพนันในลักษณะคล้ายกันกลับยังไม่มีการอายัดทรัพย์ หรือความคืบหน้าทางกฎหมายที่ชัดเจน โดยที่ประชุมได้สอบถามต่อ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้

1) สาเหตุที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแตกต่างจากความเห็นพนักงานสอบสวน ในประเด็นใดบ้าง

2) ในสำนวนเรื่องนี้ พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานที่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า ผู้ต้องหากระทำผิดตามข้อกล่าวหา ในประเด็นใดบ้าง

3) พยานหลักฐานสำคัญในสำนวนการสอบสวน ที่ยืนยันว่าการกระทำผิดมีอะไรบ้าง

4) ความเห็นของพนักงานอัยการที่สั่งไม่ฟ้องนั้น อ้างหลักฐานและเหตุผลอะไรบ้าง  สามารถรับฟังหักล้างหลักฐานและเหตุผลของพนักงานสอบสวนได้ในทุกประเด็นหรือไม่

5) เหตุผลของผู้บัญชาการภาคที่โต้แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการนั้น เหมือนหรือแตกต่างจากความเห็นของพนักงานสอบสวนที่ความเห็นควรสั่งฟ้องในสำนวนการสอบสวน

6) กรณีการจับกุม นายชนนพัฒ นาคสั้ว ทั้งสามคดี พนักงานสอบสวนได้รายงานไปยังสำนักงาน ปปง. ทั้งสามเรื่องหรือไม่อย่างไร และได้มีการติดตามผลการดำเนินการของสำนักงาน ปปง. หรือไม่อย่างไร

7) ได้มีการสืบสวนขยายผลผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ผู้ถือครองทรัพย์สิน (ในส่วนของเส้นทาง ทางการเงิน หรือไม่ อย่างไร)

8) ในกรณีหากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทางตำรวจต้องดำเนินการต่อไปอย่างไรจนสิ้นกระบวนการและปัจจุบันผลการดำเนินการทั้งสามคดีอยู่ในขั้นตอนไหน หรือมีเหตุขัดข้องในส่วนไหนหรือไม่อย่างไร

และได้สอบถามต่อผู้แทนจากอัยการสูงสุด ดังนี้

1) คดีนี้หลังจาก ผบ.ตร. มีความเห็นแย้งความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการเจ้าของสำนวนแล้ว กระบวนการตามกฎหมายต่อไปเป็นอย่างไร

2) กระบวนการก่อนการสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุด ต้องผ่านการกลั่นกรองของหน่วยงานใดในสำนักงานอัยการสูงสุดอีกหรือไม่ ถ้ามี หน่วยงานที่กลั่นกรองก่อนถึงอัยการสูงสุดมีหน่วยงานใดบ้าง และมีกรอบระยะเวลาในการพิจารณาในขั้นตอนเหล่านี้ไว้ด้วยหรือไม่ อย่างไร

3) ในคดีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ และตามกฎหมายอัยการสูงสุดมีหน้าที่ชี้ขาดความแตกต่างในความเห็นของพนักงานอัยการเจ้าของและความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยากทราบว่า หากอัยการสูงสุดมีความเห็นแตกต่างจากความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในความเห็นของอัยการสูงสุดนั้นจะต้องหักล้างความความเห็นและพยานหลักฐานของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในทุกประเด็นหรือไม่ และหากไม่หักล้างความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในทุกประเด็นแล้ว คำสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุด จะถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ตัวแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ อัยการสูงสุด ได้ตอบคำถาม เกี่ยวกับคดีดังกล่าวโดย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการอำนวยการ บช. (สอท.) พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา) ภาค 9 และเจ้าหน้าที่จากอัยการสูงสุด โดยมี นายธนวรรษ ว่องไวทวีวงศ์ อัยการอาวุโส นายสุเทพ เยี่ยมศิริ อัยการผู้เชี่ยวชาญ นายประทีป ศุภวิบูลย์ผล สนง.อัยการ ภาค 9

สำหรับคดีดังกล่าวต้องแยกเป็นสองคดี คดีแรกเป็นคดีของประธานสโมสรฟุตบอลลำพูน วอริเออร์ มีคำสั่ง คณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.157/2567 ลงวันที่ 6 ส.ค.2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ส่วนคดีของทางอดีตประธานสโมสรฟุตบอลนครศรียูไนเต็ด ได้แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.การพนันออนไลน์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และสั่งฟ้อง ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดสงขลา มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องอดีตประธานสโมสรฟุตบอลนครศรียูไนเต็ด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาและติดตามส่วนไหนเสร็จสิ้นก็ได้ดำเนินการส่งไปแล้ว ส่วนที่ยังไม่เสร็จสิ้นก็ยังต้องรอยังไม่ยืนยัน

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวสรุปวันนี้คำตอบชัดเจนยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด ยังไงแล้วหนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุม คือ ความเห็นไม่ฟ้องของอัยการซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของพนักงานสอบสวน ที่เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องกันว่า การที่อัยการมีความเห็น ไม่ฟ้อง โดยไม่สามารถชี้แจงเหตุผลเชิงลึกต่อสาธารณะได้ อาจทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจในกระบวนการพิจารณาคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คณะ กมธ. ยังคง ยึดหลักโปร่งใส – ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ ยืนหยัดข้างประชาชน

“เราจะไม่ปล่อยให้คดีสำคัญที่มีผลกระทบต่อศรัทธาของสังคมถูกกลบเงียบ กมธ.ชุดนี้จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส สร้างสรรค์ และกล้าชนกับทุกอิทธิพลเพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และไม่มีคดีใดควรถูกละเลย”

คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ย้ำหลักการสำคัญว่า การฟอกเงินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วย เปลี่ยนเงินผิดกฎหมายให้กลายเป็นเงินสะอาด ซึ่งหากปล่อยผ่าน ย่อมเท่ากับเปิดช่องให้ขบวนการอาชญากรรมเติบโตแบบไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ทุกคดีที่มีมูลความเชื่อมโยงกับฟอกเงินจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะมีเบื้องหลังเป็นใครก็ตาม

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 327 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน