มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 274 ครั้ง
นายกแพทองธาร ควง รมว.ทวี ดีเอสไอ-กองทัพเรือ-ป.ป.ส. แถลงทลายเครือข่ายยานรก ยึดยาไอซ์ 2.4 ตัน มูลค่าในต่างประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท เตรียมส่งออก

วันนี้ (23 มิ.ย.68) เวลา 16.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายโกมล พรมเพ็ง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการกองคดียาเสพติด นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 1 พล.ร.ท.วีรุดม ม่วงจีน รองเสนาธิการทหารเรือ (สายงานข่าว) ร่วมกันแถลงข่าว “DSI สนธิกำลังกองทัพเรือ – ป.ป.ส. ทลายเครือข่ายยานรก ยึดยาไอซ์ 2.4 ตัน มูลค่าในต่างประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท เตรียมส่งออก”

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ได้มาร่วมงานจับยาเสพติดคือยาไอซ์ ที่จับได้เกือบ 2.4 ตัน ซึ่งมีการจับที่นำผ่านมาทางเรือ และเห็นแล้วว่าเป็นความร่วมมือแบบบูรณาการของทุกภาคส่วนจริง ๆ ตั้งแต่มีการให้ข้อมูลมาจนถึงเบาะแส ตรวจจับ ซึ่งอันนี้เป็นรูปแบบของการมาทางน้ำ จะเห็นว่ายาเสพติดล็อตใหญ่ ๆ แบบนี้ เริ่มทยอยจับได้มากขึ้นเยอะ ซึ่งเป็นความพยายาม ความอดทนของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และตอนนี้คนที่ขนส่งยาเสพติดกำลังถูกดำเนินคดีอยู่ และกำลังสืบต่อไปว่าใครที่เป็นตัวการใหญ่ที่เป็นเจ้าของยาเสพติดล็อตนี้ ซึ่งตอนนี้ดีเอสไอได้ข้อมูลมาแล้วว่าเป็นใคร ยังไงเมื่อได้ข้อมูลที่สมบูรณ์แล้วจะแถลงอีกครั้งและถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีมาก ๆ ที่จับยาได้ล็อตใหญ่ขนาดนี้ แปลว่าเบาะแสและการทำงานบูรณาการของทุกภาคส่วนส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ให้เห็นจริง ๆ จึงขอให้ประชาชนสบายใจว่าเรื่องของยาเสพติดรัฐบาลจริงจังกับเรื่องนี้ และทุกภาคส่วนก็พร้อมที่จะทำงานกับรัฐบาลในการทำให้นโยบายสำเร็จ เพราะว่าถ้าศักยภาพของคนยังถูกปนด้วยยาเสพติดในเยาวชน การพัฒนาประเทศก็เป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น อันนี้เขารับมาที่ประเทศเราแล้ว พอขายไปต่ออีกประเทศหนึ่งราคาก็จะบวกเพิ่มขึ้นไปอีก เป็นธุรกิจที่นำต่อไปทั่วโลก และส่งผลเสียต่อคนทั่วโลก ซึ่งเรามีทีมคนไทยทุกภาคส่วนที่แข็งแรงก็ทำให้ยาเสพติดมันหยุดที่ตรงนี้ ที่ประเทศเรา ต้องขอชื่นชมทุก ๆ ท่าน อาจจะคิดว่าจับได้หนึ่งล็อต แต่จริง ๆ แล้วถ้าล็อตนี้จับไม่ได้มันเข้าไปสู่ประเทศชาติเสียหายอย่างมาก และไปต่อประเทศอื่นด้วย อันนี้เป็นด่านที่สามารถช่วยประเทศชาติไว้อย่างยิ่งใหญ่ ต้องขอชื่นชมและขอขอบคุณทุกภาคส่วนอีกครั้ง

ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการปราบปรามยาเสพติด ภายใต้มาตรการ Seal Stop Safe โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้บูรณาการร่วมกับกองทัพเรือ สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมผู้ต้องหาทลายเครือข่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) สามารถจับกุมได้พร้อมของกลางเป็น “ไอซ์” จำนวน 2,399 กิโลกรัม ขณะที่กำลังลำเลียงโดยเรือท่องเที่ยว มีจุดมุ่งหมายใช้น่านน้ำไทยในการส่งออกไปยังต่างประเทศโดยมีมูลค่าในต่างประเทศประมาณกว่า 3,000,000,000 บาท บริเวณ “ปากน้ำประแส” ต.ปากน้ำกระแส อ.แกลง จ.ระยอง
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กองคดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ได้รับแจ้งข้อมูลการข่าวว่า กลุ่มบุคคลผู้รับจ้างเดินเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดผิดกฎหมายจากบริเวณปากน้ำประแส ตำบลปากน้ำกระแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ไปยังพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อลำเลียงส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ โดยใช้เรือยางตรวจการณ์ จำนวน 4 ลำ ทำการตรวจการณ์เฝ้าระวังเรือต้องสงสัยที่อ่าวไทยบริเวณปากน้ำประแส ห่างจากชายฝั่งประมาณ 5 ไมล์ทะเล พบเรือยนต์ต้องสงสัยเป็นเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส ตามที่แหล่งข่าวได้แจ้งไว้ ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ข้างเรือดังกล่าวปรากฏข้อความอักษรภาษาอังกฤษว่า “PAIKANCATAMARANS” โดยพบบุคคลเพศชายอยู่บริเวณพื้นที่ลำเรือ จำนวน 8 คน

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อบุคคลบนเรือดังกล่าวสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมก็มีพฤติการณ์ต้องสงสัยคือเร่งความเร็วเรือหนีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมบุคคลบนเรือมีท่าทางแตกตื่น ท่าทางตระเตรียมจะโยนสิ่งของเป็นกระสอบคล้ายกระสอบบรรจุยาเสพติดบริเวณลำเรือโยนทิ้งทะเล และบางคนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเชื่อว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมียาเสพติดไว้ในความครอบครองบนเรือ จึงแสดงตัวส่งสัญญาณเสียงทางวาจาว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ โดยชุดปฏิบัติการพิเศษหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ (ชปพ.นสร.) โดยใช้อำนาจเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐเข้าทำการตรวจค้น ด้วยการใช้เรือยางเข้าประชิดด้านข้างและขอขึ้นทำการตรวจค้นบริเวณลำเรือ จากการตรวจค้นบนเรือ พบผู้ควบคุมเรือและลูกเรือ จำนวนรวม 8 คน และตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัยในกระสอบมีลักษณะเป็นวัตถุเกล็ดสีขาวลักษณะคล้ายยาไอซ์ ที่น่าเชื่อว่าจะเป็นเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ และจึงได้ทำการควบคุมตัว และตรวจยึดของกลางดังกล่าว เข้ามายังท่าเรือ จากการตรวจสอบยืนยันพบว่าวัตถุเกล็ดสีขาวลักษณะคล้ายยาไอซ์ เป็นเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ จำนวนประมาณ 2.4 ตัน (2,399 กิโลกรัม)
“ซึ่งขณะทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว เมื่อมีการยืนยันว่าเป็นยาเสพติดแล้ว จึงได้แจ้งให้ชุดปฏิบัติการอีกชุดหนึ่งที่มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปส. ภาค 2 เจ้าหน้าที่กรมข่าวทหารเรือ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่เตรียมปฏิบัติการบนฝั่ง เพื่อให้เข้าตรวจสอบท่าเทียบเรือ “ลูกยอด” จากการตรวจค้นพบรถบรรทุกหกล้อ ลักษณะเป็นตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทราบภายหลังเป็นรถที่ใช้ในการขนส่งยาเสพติดล็อตดังกล่าว และพบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีเทาดำ ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ ควบคุมผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย ตรวจยึดเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2,399 กิโลกรัม รถบรรทุกหกล้อแบบตู้ทึบ สีขาว 1 คัน รถกระบะ 4 ประตู สีเทาดำ 1 คัน มาไว้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และในส่วนเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส อยู่ในความควบคุมของทัพเรือภาคที่ 1 จากข้อมูลการสืบสวน และการจับกุมในครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าว
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 274 ครั้ง



