มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 58 ครั้ง
วันนี้ (23 มิ.ย.68) 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และ นายทิพเมษฐ์ สังขวรรณะ ผอ.ปปส.ภาค 1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงการจับกุมยาเสพติด 3 คดี ยึดยาบ้า รวม 10,460,000 เม็ด

คดีที่ 1 จับกุมยาบ้า 6 หมื่นเม็ด ทีมโกดังยาเสพติด “เอก หนองยาว” ส่งมอบกันในพื้นที่ จ.สระบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมแหล่งพักยาเสพติด “โกดังเปรม ปชน.” ได้ผู้ต้องหา 1 คน ตรวจยึดไอซ์ 217 กก., ยาบ้า 560,000 เม็ด, ยาอี 3,163 เม็ด, เคตามีน 88 กรัม จับกุมได้ที่บริเวณอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบว่ามีกลุ่มของนายเอกรัตน์ ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สระบุรี เคยเดินทางมารับยาเสพติดจากแหล่งพักยาเสพติด “โกดังเปรม ปชน.” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนเฝ้าติดตามพฤติการณ์กลุ่มของนายเอกรัตน์ หรือ “เอก หนองยาว” มาโดยตลอด
จนกระทั่งในวันที่ 20 มิ.ย.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 นำโดย พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี สนธิกำลังร่วมกับ ภ.จว.สระบุรี, กก.สส.ภ.จว.สิงห์บุรี, บก.ขส.บช.ปส., หน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ, กองพันข่าวกรองทางทหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 ร่วมกันจับกุมทีมโกดังยาเสพติด “เอก หนองยาว” ได้ผู้ต้องหา จำนวน 3 คน 1.นายสุรัตน์ อายุ 42 ปี 2.น.ส.สุทธิดา อายุ 27 ปี 3.นายเอกรัตน์ อายุ 23 ปี พร้อมด้วยของกลาง 1) ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวมจำนวนประมาณ 60,000 เม็ด 2)วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวมประมาณ 1.91 กรัม 3)รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา จำนวน 1 คัน (เป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติดมาส่ง) 4)รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว จำนวน 1 คัน (เป็นรถที่มารับยาเสพติด) 5)โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง 6)ตราชั่งดิจิทัล จำนวน 1 เครื่อง
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหากลุ่มนี้ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 00.50 น. นายเอกรัตน์ (ผู้ต้องหาที่ 3) ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา (ของกลางลำดับที่ 3) นำยาบ้าที่ใส่ไว้ในกล่องกระดาษสีน้ำตาล มาวางไว้ที่จุดนัดหมาย บริเวณริมถนนสาย 3021 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวางกล่องยาบ้าเรียบร้อยแล้วได้รีบขับรถออกไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา ได้มีนายสุรัตน์ (ผู้ต้องหาที่ 1) และ น.ส.สุทธิดา (ผู้ต้องหาที่ 2) ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว (ของกลางลำดับที่ 4) มายังจุดที่วางกล่องยาบ้าไว้ และ น.ส.สุทธิดา เป็นผู้ลงมาหยิบกล่องยาบ้าขึ้นรถแล้วพากันขับออกไป เมื่อมีการส่งและรับยาบ้ากันเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติซึ่งได้สะกดรอยติดตามดูพฤติการณ์ ในทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ได้ติดตามรถยนต์ทั้ง 2 คันดังกล่าว เมื่อถึงสถานที่ปลอดภัย จึงได้แสดงตัวและเข้าทำการตรวจค้นรถยนต์คันที่นายสุรัตน์ และ น.ส.สุทธิดา นำมารับยาบ้า ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 60,000 เม็ดบรรจุอยู่ในกล่องวางอยู่ในรถ ส่วนเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่ได้สะกดรอยติดตามรถยนต์ของนายเอกรัตน์ (ผู้ต้องหา ที่ 3) ซึ่งเมื่อนำมายาบ้ามาวางไว้ที่จุดนัดหมายแล้วได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดสระบุรีเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นภายในบ้านและภายในรถยนต์ พบเคตามีนน้ำหนักรวมประมาณ 1.91 กรัม จึงทำการจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตามข้อกล่าววหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้สมคบ สนับสนุน และช่วยเหลือในคดีนี้ต่อไป
คดีที่ 2 จับกุมยาบ้า 7.2 ล้านเม็ด ที่โกดังแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 พ.ค.68 เวลาประมาณ 06.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ผลการตรวจค้นพบยาบ้า 40 กระสอบ คิดเป็นจำนวนยาบ้าประมาณ 8,732,000 เม็ด และยาไอซ์ 18 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 720 กิโลกรัม และจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 1 นำโดย พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1 และชุดขยายผลฯ ของศอ.ปส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันทำการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทราบว่า เครือข่ายของแหล่งพักยาเสพติด ต.ราชคราม ดังกล่าว ได้ไปรับยาเสพติดมาจากภาคเหนือ และมาเช่าโกดังซึ่งอยู่ที่บริเวณ ริมถนนพหลโยธิน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ไว้เพื่อรอรับยาเสพติดเตรียมส่งต่อให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของเครือข่ายดังกล่าวตลอดมา
จนกระทั่งในวันที่ 21 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ริมถนนพหลโยธิน อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ7,200,000 เม็ด และจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน ซึ่งกำลังจัดเตรียมยาบ้าเพื่อส่งให้แก่ลูกค้า 1.นายกมล อายุ 21 ปี 2.นายโชคชัย อายุ 32 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้สมคบ สนับสนุน และช่วยเหลือในคดีนี้ต่อไป
คดีที่ 3 ตรวจยึดยาบ้า 3.2 ล้านเม็ด ในพื้นที่ ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 22.25 น. สภ.หน้าพระลาน จ.สระบุรี ได้รับแจ้งว่า พบรถยนต์แบบเอนกประสงค์ (SUV) ยี่ห้อเชฟโรเลต สีแดง เกิดอุบัติเหตุชนกับขอบทางบริเวณ ริมถนนสายหน้าพระลาน-หนองจาน ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ภายในรถมีสิ่งของคล้ายยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานภายในรถยนต์ ผลการตรวจสอบได้ทำการตรวจยึดสิ่งของซึ่งอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว (เฉพาะรายการที่สำคัญ) ดังนี้ 1)ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 8 กระสอบ รวมประมาณ 3,200,000 เม็ด 2)อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ COLT จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืน จำนวน 10 นัด 3)โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งรัดทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิด ผู้สมคบ สนับสนุน และช่วยเหลือโดยเร่งด่วนต่อไป

พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า “ตำรวจภูธรภาค 1 จะได้สืบสวนปราบปราม และ X-ray พื้นที่ ไม่ให้เป็นแหล่งพักคอย รวมทั้งจะเข้มงวดกวดขันสกัดกั้น ตัดตอนการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่องต่อไป และใคร่ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน หากพบบุคคล รถต้องสงสัย หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด
นอกจากนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 จึงได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 ถึง 14 มิ.ย.68 ได้ทำการจับกุมยาเสพติดรวมจำนวน 17,572 คดี ผู้ต้องหารวม 17,601 คน ของกลางเป็นยาบ้ารวม 128 ล้านเม็ดเศษ, ไอซ์รวม 4,337 กก., เคตามีนรวม 245 กก. และของกลางอื่น ๆ อีกหลายรายการ และได้ตรวจยึดทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 740 ล้านบาทเศษ” พล.ต.ท.สุรพล กล่าว
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 58 ครั้ง