มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 482 ครั้ง
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการส่งเสริมการพัฒนาอาสาสมัครดิจิทัล โดยมี นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ภารกิจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย) พร้อมด้วยศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมลงนามดังกล่าว โดยเป็นการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ภารกิจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมกิจการเด็กและเยาวชน สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ณ ห้อง NT Auditorium ชั้น 2 อาคารสโมสร สำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ มีความตระหนักและให้ความสำคัญในการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ในการพัฒนา ควบคุม แก้ไข จัดเก็บข้อมูล หลักสูตรการอบรม เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านต่างๆ โดยการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการส่งเสริมการพัฒนาอาสาสมัครดิจิทัล ฉบับนี้เป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรทั้ง 10 แห่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างความตระหนักรู้ ด้านการเข้าใจดิจิทัล ด้านการใช้อินเทอร์เน็ต ด้านการต่อต้านข่าวปลอม และการป้องกันตนเองจากภัยไซเบอร์ เพื่อให้มีการบูรณาการหลักสูตรพัฒนาองค์ความรู้สู่อาสาสมัครดิจิทัล โดยกรมราชทัณฑ์ จะได้สนับสนุนบุคลากรให้เป็นอาสาสมัครดิจิทัลจากเรือนจำและทัณฑสถาน จำนวน 15 แห่ง ซึ่งได้แก่ เรือนจำกลางสมุทรปราการ เรือนจำกลางชลบุรี เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา เรือนจำกลางอุบลราชธานี เรือนจำกลางอุดรธานี เรือนจำกลางเชียงใหม่ เรือนจำกลางลำปาง เรือนจำจังหวัดอุทัยธานี เรือนจำกลางกำแพงเพชร เรือนจำกลางสมุทรสงคราม เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา เรือนจำกลางบางขวาง และทัณฑสถานหญิงธนบุรี เพื่อขับเคลื่อนภารกิจ และสร้างเครือข่ายระดับพื้นที่ ทั้งในด้านการพัฒนาทักษะความรู้เกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชั่น เพื่อสนับสนุนพัฒนาองค์กรให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล และมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปถ่ายทอดสู่ผู้ต้องขัง ให้ได้รับบริการดิจิทัล มีความสามารถในการรับข่าวสารและเข้าถึงบริการดิจิทัลในระหว่างต้องโทษ รวมถึงเมื่อภายหลังพ้นโทษแล้วจะสามารถรู้เท่าทันเทคโนโลยีดิจิทัล มีคุณภาพชีวิตที่ดี สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม นำไปต่อยอดพัฒนาความรู้ ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 482 ครั้ง