“อลงกรณ์” ชี้แนวโน้มเสถียรภาพและราคายางปี 64 ทิศทางดีขึ้นหลังเดินหน้า “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย”

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2853 ครั้ง

“อลงกรณ์” ชี้แนวโน้มเสถียรภาพและราคายางปี 64 ทิศทางดีขึ้นหลังเดินหน้า “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” มอบฑูตเกษตร-พาณิชย์เป็นทัพหน้า ผนึก กยท. เปิดแนวรุกบุกตลาดเก่าใหม่ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศดันส่งออกผลิตภัณฑ์ยางทุกชนิดฝ่าวิกฤติโควิด-19 พร้อมดึงศูนย์ AIC “มอ.-มจพ.” ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมพัฒนายางทั้งระบบ เผยผลศึกษาโครงการรับเบอร์วัลเลย์ระยะที่ 1 เสร็จแล้วรอเข้าบอร์ด กยท.เมษายน นี้

วันนี้ (12 เม.ย.64) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายาง เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายาง ครั้งที่ 2/2564 ณ ห้องประชุมรัษฎา ชั้น 2 การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม เช่น นายประพันธ์ บุญยเกียรติ ประธานคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย พร้อมคณะกรรมการฯ ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ดร.รังสิมา หญีตสอน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และรศ.อาซีซัน แกสมาน จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ฯลฯ

ว่าแนวโน้มเสถียรภาพและราคายางในปี2564มีทิศทางดีขึ้นหลังเดินหน้า “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตและยุทธศาสตร์การบูรณาการทุกภาคีภาคส่วน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดประชุมออนไลน์กับฑูตเกษตรของไทยในประเทศคู่ค้าคู่แข่งสำคัญๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สหรัฐ เม็กซิโก รายงานสถานการณ์การนำเข้าส่งออกยางและภาวะการค้าการแข่งขันทั้งปัญหาและโอกาสในประเทศเหล่านั้นพร้อมข้อเสนอแนะเป็นการผนึกการทำงานข้ามประเทศระหว่างสำนักเกษตรต่างประเทศกับ กยท. ในการเปิดแนวรุกบุกตลาดเก่าใหม่เพื่อให้ กยท.ปรับกลยุทธ์ โดยตั้งเป้าเพิ่มการส่งออกและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ผลัดดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางทุกชนิดฝ่าวิกฤติโควิด-19

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ซึ่งเป็นศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC (Agritech and Innovation Center) นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่พร้อมถ่ายทอดสู่สถาบันเกษตรกร ชาวสวนยางและผู้ประกอบการเกษตร เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) การผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางทั้งระบบ โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของประเทศไทย ในฐานะประเทศผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลก ประการสำคัญ คือ รายได้ของชาวสวนยางต้องเพิ่มขึ้น ภายใต้แผนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ สำหรับสวนยางและอุตสาหกรรมยาง เพื่อลดต้นทุนเพิ่มมูลค่าและราคายาง

“ในอดีต แม้ประเทศไทยจะเป็นแชมป์โลกผู้ส่งออกยาง แต่มีอิทธิพลต่อกลไกตลาดและราคาน้อยมาก ซึ่งการส่งออกส่วนใหญ่ยังเป็นวัตถุดิบมูลค่าน้อย การรักษาเสถียรภาพราคาและการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง จึงอยู่บนความไม่แน่นอน คณะกรรมการจึงกำหนดกลยุทธ์ใหม่ๆเช่น ในระดับต้นน้ำมอบหมายศูนย์ AIC ทั่วประเทศ นำผลการวิจัยและพัฒนามาพัฒนายางทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ส่วนกลางน้ำร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมยาง เช่น “โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรม” โดย กยท. รายงานล่าสุดว่าโครงการ Rubber Valley (โครงการ ศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช :Study suitability and development of the rubber industry in Nakhon Si Thammarat Province) ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (South ern Economic Corridor) ของรัฐบาลสู่การพัฒนา และส่งเสริมอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจรครอบคลุมทั้งกิจกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มยางพาราทั้งระบบได้ดำเนินศึกษาระยะที่ 1 เสร็จแล้ว และจะเสนอให้คณะกรรมการบริหาร กยท. พิจารณาภายในเดือนเมษายนนี้

สำหรับปลายน้ำเร่งพัฒนากลยุทธ์การตลาด โดย กยท.ผนึกทูตเกษตรและทูตพาณิชย์ รวมทั้งภาคเอกชนภายใต้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เจาะตลาดทั้งเก่าใหม่ ตลาดเก่าก็ให้เพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ตลาดใหม่ก็สร้างหุ้นส่วนการค้าใหม่ๆ เช่น ตลาดเม็กซิโก มีโอกาสสูงมากและจะพัฒนาเป็นเกตเวย์ สู่ตลาดลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง สำหรับตลาดเก่าส่วนใหญ่แนวโน้มดีทุกตลาด เช่น ญี่ปุ่น จีน และมาเลเซีย ซึ่งเป็นผลมาจากการขับเคลื่อน “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” และการพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ แม้จะเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 และปัญหาโคลนติดล้อในอดีตหรืออุปสรรคนานัปการ แต่เราก็สามารถฝ่าแนวรบนี้มาได้และมีทิศทางแนวโน้มดีขึ้น การประชุมครั้งต่อไป จะเชิญทูตพาณิชย์ไทยในประเทศคู่ค้าสำคัญๆ และศูนย์ AIC ร่วมประชุมด้วย”

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก มีพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศรวม 22 ล้านไร่ และส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของโลก โดย นำรายได้เข้าประเทศปีละประมาณกว่าแสนล้านบาท และมีการจ้างงานทั้งภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 1.44 ล้านครัวเรือน อุตสาหกรรมยางพาราไทยยังมีปัญหาหลายประการที่ต้องเร่งแก้ไข ในระดับต้นน้ำเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย การผลิตยังเป็นแบบครอบครัว ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางของไทย ส่วนใหญ่ยังเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์ยางขั้นต้น และเป็นกิจการขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ยังมีข้อจ้ากัดด้านเงินทุนและเทคโนโลยีการผลิต การพัฒนายางพาราทั้งระบบยังมีอุปสรรคในการสร้างมูลค่าเพิ่มและขีดความสามารถในการแข่งขัน

รวมถึง ราคายางธรรมชาติมีความผันผวนกระทบต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมยางพารา การบริหารยุคใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาเดิมเติมด้วยยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ใหม่ๆ ซึ่งคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายาง และรักษาเสถียรภาพราคายาง มีหน้าที่ในการพิจารณาปัญหาและกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคายางให้มีเสถียรภาพ เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาราคายาง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และเสนอข้อคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาราคายางต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2853 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน